วันอาทิตย์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2553

บำเพ็ญบุญ khaosod

บำเพ็ญบุญ

คอลัมน์ธรรมะวันหยุด

พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ.9) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชรวรวิหาร watdevaraj@hotmail.com 0-2281-2430



ขึ้น ชื่อว่าบุญ เป็นเรื่องที่สาธุชนควรประพฤติปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ ถ้ารู้จักบำเพ็ญให้ถูกทางถูกหลักแล้ว ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีบุญจริงๆ มิใช่ว่าจะมีบุญเฉพาะแต่ชื่อ

บุญไม่ใช่วัตถุอันจะพึงหยิบยกขึ้นให้ ผู้ใดผู้หนึ่งดูกันได้ด้วยดวงตา แต่บุญเป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้นภายในจิตของตน กล่าวโดยเหตุ ได้แก่กุศลกรรมอันเป็นเครื่องชำระจิตของตนให้ผ่องใส เป็นปัจจัยในการทำ การพูด การคิด เป็นไปในทางที่ดี

หลักการทำบุญนั้น ทำได้หลายอย่าง หลายวิธี เมื่อจะแสดงโดยย่อแล้ว มี 3 ประการ ด้วยกันคือ 1.ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน 2. สีลมัย บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล 3. ภาวนามัย บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา

ประการที่ 1 ทานมัย บุญสำเร็จด้วยการบริจาคทาน หมายถึง การให้สิ่งของเป็นทาน แก่พระสงฆ์ หรือคนโดยทั่วไปด้วยใจอันประณีต การที่บุคคลได้ทรัพย์หรือมีทรัพย์เป็นจำนวนก็ไม่รู้สึกว่าเพียงพอ คือไม่เพียงพอกับตัณหา คือโลภะ การเสียสละทรัพย์เพื่อบริจาคทานแม้เพียงเล็กน้อย เพื่อขจัดตัณหาคือความตระหนี่ เป็นทรัพย์ที่เกิดขึ้นภายในจิต การบริจาคทานเพื่อความทะยานอยากให้มั่งมีร่ำรวย เป็นวิธีที่ไม่จัดว่าได้บุญเต็มที่ เพราะการให้เช่นนั้นเป็นการให้เพียงกายแต่ใจไม่น้อมไปเพื่อบุญ ถ้ารู้จักบริจาคทานให้ถูกหลักในทางพระพุทธศาสนาแล้ว จักเป็นผู้ไม่งมงาย และการทำบุญนั้นก็ได้บุญจริงๆ

ประการที่ 2 สีลมัย บุญสำเร็จด้วยการรักษาศีล หมายถึง กิริยาที่บุคคลมีเจตนาสำรวมกายวาจาใจให้สงบเรียบร้อย ผู้ที่จะสามารถรักษาศีลให้บริสุทธิ์ได้ ต้องอาศัยเจตนางดเว้นเป็นหลัก คือ รู้จักละ รู้จักปล่อยวาง

ประการที่ 3 ภาวนามัย บุญสำเร็จด้วยการเจริญภาวนา หมายถึง การอบรมกุศลหรือคุณธรรมความดีทางจิต ทำจิตให้สงบจากกิเลสกามและอกุศลอย่างอื่นด้วยมนสิการ ทำจิตให้ตั้งอยู่แต่ในเรื่องของกัมมัฏฐานอย่างใดอย่างหนึ่งจนจิตผ่องใสอยู่ แต่ในอารมณ์เดียว

ทาน ศีล ภาวนา ทั้ง 3 ประการนี้ บุคคลใดได้บำเพ็ญให้เกิดมีขึ้นในตน บุคคลนั้นชื่อว่าเป็นผู้มีบุญอันกระทำแล้ว และไม่ควรประมาทว่าเป็นบุญชั้นต่ำ จะมีผลน้อย แต่ถ้าทำบ่อยๆ บุญนั้นก็จะเพิ่มจำนวนมาก องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเตือนไว้ว่า บุคคลไม่ควรดูหมิ่นบุญว่ามีประมาณน้อย จักไม่ให้ผล แม้หม้อน้ำย่อมเต็มได้ด้วยหยาดน้ำที่ตก ผู้มีปัญญาสั่งสมบุญอยู่แม้ทีละน้อยๆ ย่อมเต็มได้ด้วยบุญ และบุญทั้ง 3 ประเภทนี้ สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าก็ได้ทรงบำเพ็ญมาจนบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ

เพราะ ฉะนั้น การบำเพ็ญบุญทั้ง 3 ประการนี้ เป็นหน้าที่ของพุทธศาสนิกชน จะพึงปฏิบัติและดำเนินตามพระพุทธองค์ให้ถูกหลัก คือ บริจาคทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ตั้งใจปฏิบัติให้ถูกหลักธรรม จนเกิดความรู้สึกเกิดขึ้นในจิตของตนเองว่าได้ความสุข คือ ยึดถือธรรมเป็นหลัก ถ้าผู้ใดปฏิบัติได้จริงๆ เช่นนี้แล้ว เมื่อถึงคราวจะลาจากโลกนี้ไป บุญอันนั้นก็จะคอยรอต้อนรับผู้นั้นในโลกหน้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น