วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2553

สุขหรือทุกข์-อยู่ที่เราลิขิต khaosod

สุขหรือทุกข์-อยู่ที่เราลิขิต

คอลัมน์ ธรรมะวันหยุด



ความ สุขและความทุกข์เป็นของคู่กัน เมื่อมนุษย์เกิดมามีชีวิตอยู่ในโลกนี้ก็จะต้องประสบกับความสุขและความทุกข์ อยู่ร่ำไป สิ่งสำคัญ จะสุขหรือทุกข์อยู่ที่เราลิขิต

ความทุกข์เป็น สิ่งที่จะต้องกำหนดรู้ ถ้ารู้จักความทุกข์ดีพอ ก็จะสามารถหาทางเอาชนะความทุกข์เหล่านั้นได้ด้วยการคิดหรือฝึกจิตให้รู้เท่า ทันอารมณ์นั้น ความทุกข์ก็จะเบาบางลงหรือหายหมดไปได้

แต่ว่าส่วน ใหญ่มนุษย์มักจะไปหลงมัวเมาในเรื่องความสุข คิดแต่จะให้ชีวิตของตนให้มีแต่ความสุข คิดแต่จะได้เงินทองทรัพย์สมบัติมากยิ่งขึ้น ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว มนุษย์ทุกคนจะได้พบเจอทั้งสุข และทุกข์ สลับหมุนเวียนเปลี่ยนกันไป

ดัง นั้น ความสุขมิใช่สิ่งที่จะใช้ทดแทนความทุกข์ได้หรือ ความสุขมิใช่ทางแห่งความระงับดับทุกข์ ถ้าพิจารณาให้ดีๆ จะเห็นว่า ความสุขมีแต่จะทำให้มนุษย์ลุ่มหลงมัวเมาหลงใหลติดใจในรสชาติของมัน เมื่อถึงวันที่มันสูญหายหมดไป หรือในวันที่จะต้องตายไปจากมัน ก็จะทำให้มนุษย์ผู้นั้นเป็นทุกข์เศร้าหมองชนิดหาที่พึ่งทางใจมิได้เลย นั่นคือโทษของความสุขที่มองไม่เห็นมัน

เหตุที่ทำให้เกิดความทุกข์ คือ ความอยาก เรียกว่า ตัณหา แปลว่า ความทะยานอยากดิ้นรน ทำบุคคลให้สะดุ้งหวั่นไหว ทำชั่วบ้างทำดีบ้าง คนที่มีทุกข์มากมาย ประสบแต่ความเดือดร้อน ก็เพราะตัณหานี้เอง ตัณหามีอยู่ด้วยกัน 3 ประการ คือ

ประการที่ 1 กามตัณหา หมายถึง ความทะยานอยากดิ้นรน ความยินดี ชอบใจ พอใจ และความปรารถนาในอารมณ์ ทั้ง ๖ คือรูปเสียงกลิ่น รส เป็นต้น อันเป็นทั้งวัตถุกามและกิเลสกาม

ประการที่ 2 ภวตัณหา หมายถึง ความอยากมีอยากเป็น คือ อยากเป็นนั่นเป็นนี่ อยากได้สิ่งนั้นสิ่งนี้อันเป็นเรื่องดีและชั่ว

ประการที่ 3 วิภวตัณหา หมายถึง ความไม่อยากมี ไม่อยากเป็น เพราะมองเห็นทุกข์โทษ

บรรดา ตัณหาทั้ง 3 นั้น ภวตัณหา ความอยากมีอยากเป็น นับว่าเป็นตัวสำคัญ ทำให้เกิดกามตัณหาและวิภวตัณหา ก่อกรรมทั้งดีและชั่วไม่มีที่สิ้นสุด คนที่ถูกตัณหาเข้าควบคุมครอบงำแล้ว เปรียบเสมือนคนตาบอด มองไม่เห็นสิ่งที่เป็นประโยชน์และสิ่งที่เป็นโทษ

ความอยากเหล่า นี้ทำให้คนเราเป็นทุกข์เศร้าหมองอยู่ในโลก ทำให้ชีวิตมืดมนจนไม่รู้ว่าอะไรคือเป้าหมายของชีวิต ไม่รู้ว่าเกิดมาทำไม อะไรคือสิ่งดีที่สุดที่เราควรจะได้รับ

ตัณหาย่อมเจริญแก่ผู้ประพฤติ ประมาท ซ่านไปในอารมณ์ต่างๆ ครอบงำบุคคลใด ความโศกทั้งหลายย่อมเจริญแก่บุคคลนั้น บุคคลจะละตัณหาหรือบรรเทาตัณหาให้เบาบางจางลงไปได้ ก็ต้องพยายามรักษาศีล ฝึกสมาธิทำจิตใจให้สงบระงับและทำปัญญา ความรอบรู้ให้เข้าใจถูกต้องอย่างแท้จริง

ดังนั้น การที่จะประสบความสุขหรือความทุกข์จึงอยู่ที่เราลิขิต คือ ควรพยายามบรรเทาตัณหาที่มีอยู่ให้ลดน้อยลง แล้วประกอบแต่คุณงามความดี ก็ย่อมจะทำประโยชน์ให้เกิดแก่ตนและคนอื่นได้ จึงไม่ควรประมาทมัวเมา ให้รีบกระทำแต่ความดี ก็จะล่วงพ้นจากความทุกข์ มีแต่สุขความเจริญตลอดไป



พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ. ๙)

เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร วรวิหาร / www.watdevaraj.com 02-281-2430 begin_of_the_skype_highlighting 02-281-2430 end_of_the_skype_highlighting

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น