วันเสาร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2554

เหตุสวดมนต์แล้ว ไม่เกิดพลานุภาพ khasod

เหตุสวดมนต์แล้ว ไม่เกิดพลานุภาพ

คอลัมน์ หน้าต่างศาสนา


สํา หรับผู้ที่สวดพระพุทธมนต์และผู้ฟังการเจริญพระพุทธมนต์ หากกระทำด้วยจิตเลื่อมใส ไม่มีกิเลสมาครอบงำจิต ไม่มีกรรมหนักมาตัดรอน อีกทั้งยังไม่ถึงวาระสิ้นอายุขัย

พระพุทธมนต์ย่อมจะมีอานุภาพในการ บำบัดทุกข์โศกโรคภัย สามารถดับความเร่าร้อนกระวนกระวายใจ ป้องกันสิ่งอัปมงคล เจริญงอกงามในพระพุทธศาสนา ตลอดกาลทุกเมื่อ

พระพุทธมนต์ที่สวดด้วยจิตเลื่อมใสเป็นสมาธิแน่วแน่ ย่อมแผ่อานุภาพคุ้มครองป้องกันตลอดทั้งหมู่ญาติ พวกพ้อง และบริวารทั้งหลาย

แม้พระพุทธมนต์ที่เจริญโดยยึดหลัก 2 ประการ จนเกิดอานุภาพ คือ จิตต้องมีเมตตา ไม่เห็นแก่ลาภ และอย่าให้จิตฟุ้งซ่านเจริญพระพุทธมนต์

แต่ก็ยังมีเหตุที่ทำให้อานุภาพไม่สามารถคุ้มครองป้องกันอยู่อีก อานุภาพนั้นจะไม่คุ้มครองป้องกัน เพราะเหตุ 4 ประการ

1.เมื่อผู้สวดหรือผู้ฟังการเจริญพระพุทธมนต์ ไม่มี ความเชื่อ ไม่มีความเลื่อมใสในอานุภาพแห่งพระพุทธมนต์

2.แม้ ผู้สวดหรือผู้ฟังพระพุทธมนต์มีความเชื่อความเลื่อมใสในอานุภาพแห่งพระพุทธ มนต์ แต่ในขณะที่เจริญพระพุทธมนต์มีกิเลสครอบงำ แล้วเจริญพระพุทธมนต์ เพราะเห็นแก่ลาภ ทำให้จิตใจวอกแวกฟุ้งซ่าน ไม่เป็นสมาธิ เช่นนี้ พระพุทธมนต์ก็ไม่มีอานุภาพในการต้านทาน

3.แม้ผู้สวดหรือผู้ฟังพระ พุทธมนต์จะมีความเชื่อ ความเลื่อมใส แล้วเจริญพระพุทธมนต์ด้วยจิตเป็นสมาธิมั่นคงแน่วแน่ ไม่วอกแวกฟุ้งซ่าน แต่หากมีกรรมหนัก คือ อนันตริยกรรมมาตัดรอนขัดขวาง พระพุทธมนต์ก็ไม่มีอานุภาพในการต้านทาน เพราะขณะนั้นกรรมกำลังให้ผลตามที่ผู้นั้นได้กระทำไว้

4.ถึงแม้ผู้สวด หรือผู้ฟังพระพุทธมนต์จะมีความเชื่อ ความเลื่อมใส แล้วเจริญพระพุทธมนต์ด้วยจิตเป็นสมาธิมั่นคงแน่วแน่ ไม่วอกแวก ฟุ้งซ่าน และไม่มีกรรมหนัก มาตัดรอนขัดขวาง แต่หากผู้สวดหรือผู้ฟังถึงวาระสิ้น อายุขัยตามวัยของมนุษย์ อานุภาพของพระพุทธมนต์ก็จะ ไม่ต้านทาน ท่านเปรียบเหมือนคนถึงคราวสิ้นอายุขัย แม้จะได้รับการเยียวยารักษาจากหมอผู้เชี่ยวชาญ และด้วยยาขนานพิเศษอย่างไรก็ช่วยไม่ได้ ต้องเป็นไปตามธรรมดาของสังขารร่างกาย

ผู้ที่นำพระพุทธมนต์มาบริกรรม ภาวนา ในรูปแบบการเจริญพระพุทธมนต์ หากมุ่งหวังให้พระพุทธมนต์เป็น พระปริตรที่มีพลานุภาพในการต้านทาน จำเป็นต้องมีความเชื่อ ความเลื่อมใส ประกอบด้วยจิตเมตตา ปรารถนาให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ มีจิตเป็นสมาธิไม่ฟุ้งซ่าน

แล้วกระทำสัจกิริยา คือ ตั้งสัจจะ อธิษฐานตามความเป็นจริง หากยังไม่สิ้นอายุขัย ไม่มีกรรมหนักมาขัดขวาง

พระพุทธมนต์ย่อมเกิดพลานุภาพในการต้านทานตามความมุ่งหวังทุกประการ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น