วันศุกร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

พยาบาท จากข่าวสด

พยาบาท

คอลัมน์ ธรรมะวันหยุด

พยาบาท ได้แก่ เจตนาเป็นเหตุปองร้าย คือ การคิดกระทำให้ผู้อื่นประสบความพินาศ

พยาบาท หมายความว่า การยังประโยชน์สุขของผู้อื่นให้ถึงความพินาศไป การมุ่งร้ายต่อผู้อื่น คิดที่จะทำลายประโยชน์และความสุขของผู้อื่น หาวิธีการที่ทำให้ผู้อื่นเกิดความพินาศเสียหาย หรือนึกสาปแช่งให้ได้รับอันตรายต่างๆ ด้วยอำนาจของความโกรธแค้นที่เกิดขึ้นในใจ เช่น ให้ทรัพย์สมบัติของเขาเสื่อมเสียไปก็ดี ให้ชีวิตของเขา ทำลายไปก็ดี ชื่อว่าพยาบาท

ความคิดปองร้ายของผู้มุ่งจะทำร้ายชีวิตของสัตว์อื่น ตั้งแต่มดและยุง ไปจนถึงมนุษย์ว่า ขอให้สัตว์เหล่านี้จงพินาศ จงวิบัติ ทำอย่างไรหนอ สัตว์เหล่านี้ พึงพินาศ พึงวิบัติ ไม่พึงเจริญรุ่งเรือง ไม่พึงมีชีวิตอยู่ได้นาน ดังนี้ จัดเป็นกรรมบถ

ส่วนความโกรธที่ไม่ คิดป้องร้ายผู้อื่น เป็นเพียงกรรมเท่านั้น สมกับคำพระอรรถกถาจารย์ว่า แม้ความโกรธที่มีสัตว์อื่นเป็นเหตุเกิดขึ้น ก็ไม่ล่วงกรรมบถ ตราบใดที่ยังไม่คิดปองร้ายเขาว่า ทำอย่างไรหนอ ผู้นี้จะพึงพินาศตายไป

พยาบาท จะสำเร็จเป็นกรรมบถได้ ต้องประกอบด้วยองค์ 2 คือ

1.มีสัตว์อื่น

2.คิด จะให้สัตว์นั้นถึงความพินาศ

พยาบาท มีโทษมาก เพราะเหตุ 4 ประการ คือ

1.ผู้ที่ถูกปองร้ายมีคุณมาก

2.ผู้ปองร้ายมีกิเลสรุนแรง

3.เพราะถึงความเป็นกรรมบถ

4.เพราะความพยายามรุนแรง

โทษ ของพยาบาท

การทำบาปที่ครบองค์ประกอบ 2 ประการนี้ จัดว่าเป็นอกุศลกรรมที่สมบูรณ์ ถ้าผลของการทำบาป คือ การคิดพยาบาทส่งผล เมื่อสิ้นชีวิตลงจะไปเกิดในอบายภูมิ คือ นรก เปรต อสุรกาย หรือ เดรัจฉาน เรียกว่า บาปให้ผลในปฏิสนธิกาล (นำเกิด)

ถ้าตอนสิ้นชีวิตนึกถึงบุญ บุญนำเกิดเป็นมนุษย์ ผลของบาปที่ทำไว้นี้ก็จะตามมาให้ผลอีก ทำให้ ได้เห็น ได้ยิน ได้ สัมผัส ได้รับอารมณ์ ที่ไม่ดีไม่งาม ทำให้อายุสั้น เกิดโรคภัยเบียดเบียน จะตายด้วยการถูกประหาร มีผิวพรรณที่หยาบกร้าน เรียกว่า บาปให้ผลในปวัตติกาล (ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่)

ความพยาบาท นั้น นอกจากจะทำลายประโยชน์สุขของผู้อื่นแล้ว ยังทำลายตัวเองอีกด้วย

ความ พยาบาทปองร้าย เป็นเหตุนำทุกข์ภยันตรายมาสู่ตนและคนอื่น ฉะนั้น จึงควรมีเมตตากรุณา รักใคร่ ช่วยเหลือซึ่งกันและกันดีกว่า เพื่อให้โลกของเราอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข และพึ่งพาอาศัยกันได้ต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น