วันจันทร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

That's what friends are for (2)? Khaosod

"เพื่อน" สิ่งสำคัญในชีวิต (ตอนที่ ๒) What friends are for? (2)

คอลัมน์ โลกนี้ไม่สิ้นกลิ่นธรรม



ตอน ที่แล้ว ผมยกเอาสเป๊กของกัลยาณมิตรทั้ง ๗ ข้อ มาให้ดูกันแล้วนะครับ (๑.น่ารัก ๒. น่าเคารพ ๓.น่าเจริญใจ ๔.เป็นที่ปรึกษาที่ดี ๕.อดทนต่อถ้อยคำ ๖.แถลงเรื่องล้ำลึกได้ อธิบายเรื่องยุ่งยากซับซ้อนให้เข้าใจได้ และ ๗.ไม่ชักนำไปทางเสื่อมเสีย) จากนี้ไปลองนำไปเปรียบเทียบดู ก็คงจะเข้าใจได้เอง ว่าคนรอบๆ ตัวคุณ ใครเป็นกัลยาณมิตรแท้ ใครเป็นเพื่อนเทียม ใครที่น่าจะเป็น คิดว่าใช่ และกลับไม่ใช่กัลยาณมิตร ต้องลองเทียบคุณสมบัติกันเอาเอง

ของมันไม่แน่นะครับ ในหลายครอบครัว แม้จะเป็นญาติกันแท้ๆ บางคนเป็นพ่อ เป็นแม่ แต่กลับไม่ทำตัวเป็นกัลยาณมิตร เช่น ข่าวคราวในหน้าหนังสือพิมพ์ที่พวกเราก็คงเคยเจอมากมาย พ่อแท้ๆ ข่มขืนลูกสาว แม่แท้ๆ จับลูกสาวไปขายกิน ลูกบังเกิดเกล้ายักยอกสินทรัพย์ในธุรกิจให้คนนอกไปขาย เป็นต้น ใครได้อยู่ใกล้คนแบบนี้มีแต่ทุกข์ ภัยจะมาถึงตัว เช่นนี้ก็ถือว่าเป็นวิบากกรรม ก็แล้วกัน แต่อย่าได้ท้อใจไป เพราะชีวิตเราทุกคน พัฒนาได้ หากยึดถือพระ พุทธเจ้าเป็นดั่งกัลยาณมิตร อันจะพูดในรายละเอียดถัดไป

แฟนคอลัมน์ที่กลายเป็นกัลยาณมิตรของผม อย่างคุณเพ็ญ (นามสมมติ) ส่งอีเมล์เรื่องเพื่อน ๖ ประเภท (แนวจีน) มาให้ ผมพิจารณาดูก็น่าสนใจดี ถ้าเราเปิดใจกว้าง ลองอ่านดูจะเป็นไรไป เขาว่า...



๑. เพื่อนที่รู้ใจและห่วงคุณ

๒. เพื่อนที่มี "ลีลาชีวิต" คล้ายคุณ

๓. เพื่อนที่มีกลเม็ดแยบคายสมเป็น "ลูกพี่"

๔. เพื่อนที่คอยฉุด ช่วยเหลือ เตือนใจด้านการงาน

๕. เพื่อนที่มีลูกเล่นร้อยแปดพันเก้า

๖. เพื่อนที่มากประสบการณ์หรือแก่กว่าคุณ ๑๐ ปีขึ้นไป



อ่านไป คิดไป ก็พบว่า จริงๆ พวกเราก็ต่างมีเพื่อนไว้หลายประเภทเหมือนกันเนอะ แต่ไม่เคยมานั่ง Classify แบ่งหมวด แบ่งกลุ่มแบบนี้สักที ใน ๖ ประเภทนี้ ก็อาจปรากฏได้ในคนๆ เดียว หรือในคนๆ เดียว ก็อาจมีคุณสมบัติจัดอยู่ได้ในหลายๆ หมวดด้วยกัน...แต่ผมไม่แน่ใจ ไอ้ประเภทที่ ๕ นี่สิ เพื่อนที่เปี่ยมไปด้วยแท็กติก (Tricky Friends) แบบนั้น สมควรจะไปคบหาด้วยหรือไม่?

การคบหากัน แม้จะโดยบังเอิญแต่ละครั้ง จึงควรถนอมไว้ เพราะไม่ทราบว่า พลาดจากครั้งนี้ไปแล้ว คุณจะพบเขาอีกเมื่อไหร่ มันอาจจะเป็นครั้งเดียวที่เจอกันเลย ก็ได้ ขอให้ถนอมเพื่อนรอบข้าง มากยิ่งขึ้น นับแต่บัดนี้ ดังคนโบราณกล่าวไว้เป็นภาษิตว่า...

"อยู่คนเดียว ให้ระวังความคิด

อยู่กับมิตร ให้ระวังวาจา"

วจีกรรม ที่ไม่สำรวมและไม่ถูกกาลเทศะนั้น ทำมิตรภาพแตกย่อยยับมานับไม่ถ้วนแล้วครับ

"เพื่อนแท้...แม้พบแล้ว เพียงหนึ่ง เราจึงได้นอนตายตาหลับ"

ภาษิตทางเอเชียเรานี่แหละ นอนตายตาหลับคือหมดห่วงกังวลใดๆ เพราะมีกัลยาณมิตรเป็นที่พึ่งพิง ฝากผีฝากไข้ ฝากเป็นฝากตายได้หมด โดยเฉพาะกัลยาณมิตรที่รู้ธรรม อาจ สามารถปลอบประโลมเรายามทุกข์ท้อ เจ็บป่วย และทั้งสามารถแนะนำ "ความสงบ" นาทีสุดท้าย ก่อนร่างกาย ธาตุขันธ์จะแตกดับไปด้วยซ้ำ ดังเช่นเรื่อง "ท่านอิ๊กคิวซัง" บอกทางหลวงพ่อเจ้าอาวาส ก่อนดับขันธ์ และแนะนำ ซามูไร "ชินเอม่อนซัง" ก่อนดับจิต ทำให้บุคคลทั้งสองเข้าสู่กระแสพระนิพพาน เป็นอริยบุคคลได้ทัน



What friends are for?



ภาษิตฝรั่งว่าไว้ บ่งบอกว่าพวกเขาชอบใช้เพื่อนให้ทำโน่น นี่ นั่น ทำสารพัดให้เลยเนอะ ถึงได้กล่าวว่า

"จะมีเพื่อนไว้ทำไม? (ถ้าไม่ใช้มัน)"

แต่ภาษิตนี้ ก็ยังมีข้อดีอยู่ ตรงที่ว่า "เพื่อนแท้" นั้น มักพิสูจน์ได้ ในยามยาก ยามเกิดวิกฤตชีวิตจริง พึงสังวรใจให้ดีทุกท่าน เพื่อนเก่าแก่แม้จะคบกันมานาน ๒๐-๓๐ ปี มิอาจ การันตีได้ว่าเป็น "เพื่อนแท้" เสมอไป ยามปกติสุขนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างดูราบรื่น สันดานกำพืดแท้ของคน บางทีมันยังไม่ออกมา ต่อเมื่อคุณได้ประสบ เมื่อนั้นคุณจะเข้าใจ ว่า...

ใครคือเพื่อนที่คุณจะกล้าพาไปไต่เขาด้วยเชือกเส้นเดียวกันได้?

ในพุทธมติ ก็มีจัดคุณสมบัติง่ายๆ ครับ สำหรับนำไปใช้วิจัย กรณีที่ยังไม่ทราบใครเป็นกัลยาณมิตรหรือไม่ แยกเป็น ๒ กลุ่ม กลุ่มแรก ๔ ข้อสำหรับคนที่ไม่ควรคบ และกลุ่มหลัง ๔ ข้อสำหรับคนที่ไม่ควรคบ ดังนี้

คนที่ไม่ควรคบ

๑. คนปอกลอก พวกอ้าปากก็มีแต่ผลประโยชน์ ร่วมแต่สุข ทุกข์หัวหด เยอะมากในสังคมเรา

๒. คนดีแต่พูด สากลเขาเรียก "NATO" No Action Talk Only! ชอบทำให้คนหลงคารม วาดหวังลมๆ แล้งๆ ว่า จะทำอย่างนั้น อย่างนี้ให้ พวกนี้จะปากหวานเจี๊ยบ ที่แท้ก้นเปรี้ยว

๓. คนช่างประจบสอพลอ คนพวกนี้ สมัยก่อนมีในทุกชนชาติ ระยะหลังคงเหลือไว้มากทางโซนเอเชียของเรา และมีไม่น้อยในประเทศไทย ปราชญ์จึงเตือนไว้เสมอว่า คำสรรเสริญเยินยอนั้น น่ากลัวกว่า คำตำหนิติเตียนอีก เพราะว่ามองไม่เห็นอันตราย ประสงค์แฝงเร้น (Hidden agenda) ที่ซ่อนไว้ในคำสอพลอนั่นเอง

๔. คนชักชวนในทางเสื่อม คนพวกนี้จะมีรสนิยมไปในทางอบายอยู่แล้ว ชอบชักชวนเราไปในที่อโคจร เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เยาวชนวันรุ่นต้องแยกแยะให้เป็น รู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหาง และตัวเราเองก็ต้องมีหลักการ มีความเป็นตัวของตัวเองไว้ด้วย จึงจะรอดปลอดภัย, พูดถึงเรื่องนี้ ขอโอกาสยกตัวอย่าง ประสบการณ์ตรงให้ลูกหลานฟังไว้เป็นอุทาหรณ์

สมัยผมเป็นวัยรุ่น ค่อนข้างจะซน ครั้งหนึ่งเคยชวนเพื่อนสนิท ๔ คนโบกรถไปเที่ยวลำตะคอง กัน พอเล่นน้ำอย่างชุ่มฉ่ำได้ที่แล้ว ระหว่างขึ้นมาพักบนฝั่ง ผมต้องตกใจเมื่อเห็นเพื่อน ๒ ใน ๔ คน หยิบมวนบุหรี่มาคลี่เขี่ยเอาเส้นยาออก แล้วหยิบก้อนกัญชาเป็นแท่ง พร้อมอุปกรณ์เขียงเล็กๆ หั่นเป็นฝอย มวนเข้าไปแทนไส้บุหรี่แล้วพี้กัญชากันกลางวันแสกๆ กลางทุ่งริมฝั่งลำตะคอง เพื่อนคนที่ ๓ ไม่เอาด้วย แต่ไม่กล้าขัด จึงอาสาเป็นคนช่วยหั่น ผมขึ้นมาเป็นคนสุดท้าย ด้วยความที่เป็นคนโต้โผพามางานนี้ จึงโวยวายต่อว่าพวกเขา...

"ถ้ากูรู้ว่า เอากัญชามาสูบแบบนี้ จะไม่พามาเด็ดขาด"

เขาตอบสวน ทั้งๆ ที่ยังมีสติดีอยู่

"โธ่...ไอ้แอ๊ด เราเกิดมาเป็นลูกผู้ชาย มันต้องลองทุก อย่างสิ"

ผมก็แนะนำอย่างค่อนข้างแรงกลับไปเหมือนกัน

"แล้วทำไม พวกมึงไม่ลอง เอามีดคว้านท้อง แล้วสาวไส้ออกมาดูเล่นๆ ล่ะ เคยลองกันหรือยัง? มันจำเป็นต้องลองทุกอย่างด้วยหรือ?"

บทสนทนาจึงจบแค่ตรงนั้น หลังจากเหตุการณ์นั้นมา ผมก็ค่อยๆ ปลีกตัวเพื่อนแบบนั้นออกมา

นั่นแหละครับ คนที่ชักชวนไปในทางเสื่อม!

ตอนหน้ามาต่อกันที่ คนที่ควรคบเป็นเพื่อน และสามารถพัฒนาให้เป็นกัลยาณมิตรในชีวิตเราได้นะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น