วันจันทร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2554

อานิสงส์แห่งเมตตา khaosod

อานิสงส์แห่งเมตตา

คอลัมน์ ธรรมะวันหยุด



เมตตา แปลว่า คุณสมบัติเป็นเหตุให้สนิทสนม รักใคร่ หวังแต่ความสุขความเจริญ เป็นหนึ่งในบารมี 10 ประการ ที่ท่านผู้ปรารถนาจะเป็นพุทธะต้องบำเพ็ญ เป็นธรรมะประจำใจของผู้เจริญกรรมฐาน เป็นธรรมะของพระพรหม และท่านที่ปฏิบัติตนคล้ายพระพรหม เช่น บิดามารดาเป็นพรหมของลูก พระมหากษัตริย์เป็นพรหมของพสกนิกร ท่านเหล่านี้มีพรหมวิหารธรรม คือ เมตตา คิดที่ทำประโยชน์แก่มนุษย์และสัตว์ทั่วหน้า กรุณา ใฝ่ใจที่ช่วยปลดเปลื้องความทุกข์ยากเดือดร้อน มุทิตา พลอยยินดีด้วยเมื่อเขามีความสุข มีความเจริญงอกงาม อุเบกขา มีจิตเสมอและเที่ยงตรงดุจตาชั่ง ไม่เอนเอียงด้วยรักและชัง ประจำใจอยู่เสมอ เมื่อปฏิบัติได้เช่นนี้ ก็จะก่อให้เกิดความชุ่มฉ่ำความร่มเย็น เหมือนต้นไม้ได้ปุ๋ยได้น้ำ ฉะนั้น

ตราบใดที่จิตใจของทุกๆ คน ยังมีกิเลสหนา มีความเห็นแก่ตัว มีความอิจฉาริษยาอยู่ ตราบนั้นการเจริญเมตตาเพื่อขับไล่พยาบาท อันเป็นปฏิปักษ์กับเมตตาค่อนข้างจะเหลือวิสัย

ด้วยเหตุนี้ ท่านผู้รู้จึงได้แนะนำวิธีเจริญเมตตาให้มีในใจหลายวิธีด้วยกัน เช่น ให้นึกถึงคนอื่นแล้วเทียบเคียงกับตนว่า เรารักสุขเกลียดทุกข์ฉันใด คนอื่นก็รักสุขเกลียดทุกข์ฉันนั้น หรือพยายามทำใจให้กว้างมองหาความดีส่วนหนึ่งของเขาแล้วนึกถึงส่วนที่ดีนั้น ไว้ หรือพยายามคิดว่าความโกรธพยาบาทเหมือนไฟ เป็นตัวทำลายล้างความดี ทำลายความสุขทุกอย่าง เมื่อคิดได้เช่นนี้ ก็อย่าได้โกรธเลย

การแผ่ เมตตามี 2 วิธี คือ แผ่เจาะจง และแผ่โดยไม่เจาะจง เมตตาเป็นอารมณ์แห่งกรรมฐาน ผู้เจริญเมตตาพึงฝึกแผ่โดยเจาะจงก่อน ตั้งต้นจากคนที่รักใคร่สนิทสนม เช่น บิดามารดา สามี ภรรยา บุตร ธิดา ครูอาจารย์ ผู้บังคับบัญชา ท่านผู้มีพระคุณ เป็นต้น หรือคนที่รู้จักคุ้นเคย

เมื่อแผ่เจาะจงได้ชำนาญแล้ว ต่อไปฝึกแผ่แบบไม่เจาะจง คือ ไม่กำหนดว่าคนที่รู้จัก ชื่อนั้นชื่อนี้ แต่แผ่มุ่งเอาคนร่วมบ้านเมือง ร่วมชาติ ตลอดถึงร่วมโลก รวมถึงสัตว์เดรัจฉานทุกประเภทด้วย

การแผ่ โดยเจาะจง เมตตาไม่เข้มแข็งพอ ได้ผลเฉพาะขอบเขต ส่วนการแผ่แบบไม่เจาะจงนั้นไม่จำกัดขอบเขต แผ่เริ่มต้นจากใกล้ไปสู่ไกลคือจากตัวเราเองแล้วขยายออกไปไม่มีที่สิ้นสุด เป็นเมตตาที่เข้มแข็ง และมีอานุภาพมาก

เมตตา ความปรารถนาดีอยากให้ผู้อื่นมีความสุข ผู้ที่ต้องการจะเจริญให้มี จึงควรหมั่นเจริญทำให้มาก ทำบ่อยๆ ทำให้ชำนาญคล่องแคล่ว เมตตาก็จะมั่นคงในจิตใจ ทำให้บังเกิดผลานิสงส์แก่ผู้เจริญเมตตา

ใน ขณะที่บ้านเมืองกำลังวุ่นวาย สังคมกำลังสับสน ควรที่ทุกๆ คนจะพึงปฏิบัติหน้าที่ทุกประการโดยใช้เมตตาธรรมเป็นหลักนำหน้า ความสับสนวุ่นวายก็จะหมดไป คงไว้แต่ความสงบร่มเย็นเป็นสุขโดยถ้วนหน้า



พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ.๙)

เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร วรวิหาร/ www.watdevaraj.com 0-2281-2430 begin_of_the_skype_highlighting 0-2281-2430 end_of_the_skype_highlighting

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น