วันศุกร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2557

พรประเสริฐเกิดจากใจ khaosod

พรประเสริฐเกิดจากใจ

คอลัมน์ หน้าต่างศาสนา
พระมหาขวัญชัย กิตติเมธี สำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ วัดสระเกศ


ช่วงนี้เป็นเทศกาลแห่งการ "ขอพรและให้พร" ใครที่กำลังโหยหาเครื่องเยียวยาใจที่เหนื่อยล้าตลอดปีด้วยพรดีๆ กัน ก็คงเที่ยวตามหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พอจะประทานสิ่งดีๆ เหล่านั้นให้ได้จนอาจลืมคิดไปว่าของดีย่อมต้องอยู่กับสิ่งดีๆ จึงจะก่อให้เกิดผลของความดีได้ ก็เราลองคิดซิว่า ถ้าเราได้เมล็ดพันธุ์ไม้ดีๆ มา แต่ไม่มีดินจะปลูก หรือมีทองคำมากมายแต่ติดบนเกาะกลางมหาสมุทร ของเหล่านั้นก็ไร้ค่าไปโดยปริยาย

เจ้าประคุณสมเด็จพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ) จึงแนะให้ทำชีวิตคือตัวเราเองให้ดีเสียก่อนแล้วจึงไปแสวงหาความดีอย่างอื่นมาใส่ตัวด้วยการ "...ทำจิตให้สงบแล้วจะได้ทราบว่านี่แหละชีวิตที่เห็นอย่างนี้ นี่แหละความดี เป็นอย่างนี้ ขอให้เราทำจิตใจให้โล่งแล้ว ถ้าทุกข์มัดรัดรึงเข้า อย่าแก้ด้วยวิธีอื่น ให้แก้ด้วยวิธีง่ายๆ คือ นึกถึงพระพุทธเจ้า และภาวนาว่า พุทโธๆ"

ทำอย่างนี้เพื่อให้ใจเราอยู่เหนือความทุกข์โดยเอาความดีมาประโลมใจเสมอๆ "เราปรารถนาอะไรก็ตั้งใจปรารถนาทำใจให้นิ่งๆ ตั้งใจให้มั่นคงแน่วแน่ แต่อย่าเอาเรื่องที่เราปรารถนานั้นมาเป็นความทุกข์ในใจ"

พรที่มีค่าสุดจึงเป็นการเพิ่มความดีให้ใจเราก่อน ให้สงบจากความอยากที่ทำให้ทุกข์ แล้วจึงน้อมใจนึกถึงสิ่งดีๆ อันเกิดเป็นผลจากการลงแรงทำบางอย่างไป อาจไม่ใช่เพื่อตัวเราเองอย่างเดียวแต่เพื่อสังคมมีความสุขตามไปด้วย

เมื่อไม่กี่วันก่อน คณะวิทยากร กลุ่มเพื่อชีวิตดีงาม และพระธรรมทูตอาสา 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้แก่จังหวัดสตูล สงขลา ยะลา ปัตตานี นราธิวาส เดินทางมาเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายเจ้าประคุณสมเด็จพระพุฒาจารย์ ณ วัดสระเกศ

ซึ่งเจ้าประคุณสมเด็จฯ เป็นผู้เมตตาให้นโยบายและโอกาสทำงานภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงานส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมฯ วัดสระเกศ เพื่อให้พระสงฆ์ในพื้นที่ได้ยืนหยัดเพื่อ ชาวพุทธในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดหลายปีที่ผ่านมา

จนกระทั่งรวมตัวกันทำงานด้วยความเสียสละแม้จะขาดปัจจัยหลายๆ ด้าน แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ขาดหายไป คือ กำลังใจที่ได้รับจากเจ้าประคุณสมเด็จฯ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา

แม้การจากไปจะทำให้เราเกิดความเศร้าโศก แต่เมื่อนึกถึงคำของพระสารีบุตรที่มีคนไปถามท่านว่า "ถ้าพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปท่านจะเศร้าโศกเสียใจไหม"

ท่านตอบว่า "ถ้าพระพุทธเจ้าปรินิพพานไป ข้าพเจ้าจะไม่มีความโศกเศร้า แต่ข้าพเจ้าจะมีความคิดว่าท่านผู้ที่มีคุณความดีมาก มีประโยชน์มากได้ลับล่วงไปเสียแล้ว ถ้าหากท่านดำรงอยู่ในโลกไปได้นานเท่าไร ก็จะยิ่งเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขแก่คนจำนวนมากเท่านั้น"

พระสารีบุตรได้ชี้ให้เห็นความจริงอย่างหนึ่งที่ว่า ผู้ที่มีคุณความดีดำรงชีวิตอยู่ด้วยการสร้างคุณงามความดีมาก ไม่ว่าชีวิตจะยืนยาวนานเท่าไรก็ยิ่งสร้างประโยชน์และความสุขให้มากตามไปด้วย

กำลังใจที่ได้จากท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ จึงเป็นการส่งต่อความดีไปยังคนในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนใต้ และพุทธศาสนิกชนทุกคนที่ผ่านการอบรมจากทีมพระวิทยากรให้เพิ่มพูนความดีในใจยิ่งๆ ขึ้นไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น