วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2556

เมตตาธรรม ขอเก็บไว้อ่านนะครับ


จาก  http://board.palungjit.com
ธรรมดาน้ำ" เมื่อถูกต้อง "คนดีและคนเลว" ย่อมเสมอกันด้วยความเย็น ชำระล้างมลทินคือความสกปรกได้เสมอกัน ฉันใด จงแผ่เมตตาไปให้เสมอกัน ในสัตว์ทั้งหลาย ทั้งที่มีความเกื้อกูลคือผู้ที่เป็นมิตรกัน และไม่มีความเกื้อกูลคือเป็นศัตรูกัน ฉันนั้น

เมตตา หมายถึง ความรัก ความปรารถนาดี ที่ไม่เจือด้วยราคะ ปรารถนาความสุขความเจริญต่อผู้อื่น เป็นภาวะของจิตที่มีเยื่อใยไมตรี ปราศจากความอาฆาตพยาบาทโกรธเคือง

เมตตา แสดงทางกายด้วยกิริยางดงาม ใบหน้าสายตาแช่มชื่น แสดงออกทางวาจาด้วยถ้อยคำไพเราะ น่ารัก น่าสนทนา น่าฟัง แสดงถึงดวงจิตที่เอิบอิ่มเต็มไปด้วยความปรารถนาดี เมตตาธรรมที่มีอยู่ในจิตใจ ทำให้เยือกเย็นสงบ มีความสุข หากใจขาดเมตตาธรรม จะมีแต่ความเดือดร้อน ทำให้เกิดความคิดโกรธแค้นขัดเคือง ความคิดมุ่งร้ายเบียดเบียน ริษยา สะสมบ่มความทุกข์อยู่ในใจ

เมตตา เป็นธรรมข้อแรกในพรหมวิหารธรรม คือ เป็นคุณธรรมของบิดามารดาหรือผู้ใหญ่ซึ่งเป็นหัวหน้าหมู่คณะ ผู้มีเมตตาเป็นคุณธรรมเป็นเหมือนพระพรหมผู้มีเมตตาต่อสรรพสัตว์

เมตตา เป็นธรรมชาติที่มีอยู่ในใจของเราทุกคน นอกจากตนเองจะมีเมตตาอยู่แล้วยังต้องการจะได้รับเมตตาจากผู้อื่นอีก คือปรารถนาดีต่อผู้อื่นแล้ว ต้องให้ผู้อื่นมีความรักความปรารถนาดีต่อตนเองบ้าง ผู้มีเมตตาจึงควรแผ่เมตตาไปยังผู้อื่นสัตว์อื่นอยู่เสมอ ๆ วิธีแผ่เมตตาคือการมองโลกในแง่ดี เหมือนมารดาบิดารักเอ็นดูบุตรธิดาของตน หรือนึกถึงตัวเองว่าเรารักสุขเกลียดทุกข์ ฉันใด ผู้อื่น สัตว์อื่น รักสุขเกลียดทุกข์ ฉันนั้น ดังคำที่ว่า เอาใจเขามาใส่ใจเรา หรือใจเขาใจเรา เมื่อนึกอยู่เช่นนี้เมตตาจะมีมากขึ้น ความสุขความสงบจะเกิดขึ้น ระงับความเดือดร้อนความโกรธเคืองได้

การแผ่เมตตามี 2 อย่าง คือ แผ่เมตตาโดยเจาะจงผู้ที่อยู่ใกล้ชิดอย่างหนึ่ง แผ่เมตตาออกไปยังคนและสัตว์กว้างออกไปอย่างไม่มีประมาณจำกัดอย่างหนึ่ง การแผ่เมตตามิใช่เฉพาะตนและคนซึ่งเป็นที่รัก หรือเฉพาะหมู่คณะของตนเท่านั้น พระพุทธองค์ทรงสอนให้แผ่เมตตากว้างออกไป เปรียบเหมือนน้ำที่จะดับไฟที่เผาใจ เปลี่ยนศัตรูให้เป็นมิตรด้วยเมพึงแผ่เมตตาออกไปทุกทิศ ปรับจิตให้ปราศจากพยาบาทจองเวร เมื่อทุกคนมีเมตตาต่อกัน ย่อมจะอยู่กันอย่างมีความสุข ความเจริญ โลกร่มเย็นได้ เพราะเมตตาเป็นธรรมค้ำจุนโลก

บุคคลผู้ปรารถนาความรักและความร่มเย็นเป็นสุข จึงควรเจริญเมตตาให้เกิดขึ้นด้วยวิธีที่ว่า ขอให้ข้าพเจ้าจงมีความสุข ไม่มีความทุกข์ ไม่มีเวร ไม่มีภัย ไม่มีความลำบาก ไม่มีความเดือดร้อนขอให้มีความสุข รักษาตนให้พ้นภัยเถิด แผ่เมตตาให้กว้างออกไปในสรรพสัตว์ด้วยวิธีที่ว่า ขอให้สรรพสัตว์ จงมีความสุข ไม่มีความทุกข์ ไม่มีเวร ไม่มีภัย ไม่มีความลำบาก ไม่มีความเดือดร้อน ขอให้มีความสุข รักษาตนให้พ้นภัยเถิด

พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสอานิสงส์แห่งการเจริญเมตตาไว้ 11 ประการ คือ
1. นอนหลับมีความสุข
2. ตื่นอยู่มีความสุข
3. นอนหลับไม่ฝันร้าย
4. เป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย
5. เป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลาย
6. เทวดารักษา
7. ไม่มีอันตราย เพราะ ไฟ ยาพิษ หรือศัตราวุธ
8. จิตมีสมาธิตั้งมั่นเร็ว
9. สีหน้าผ่องใส
10. ไม่หลงในขณะใกล้เสียชีวิต
11. เมื่อยังไม่บรรลุธรรมอันสูงยิ่ง ย่อมเกิดในพรหมโลก

++ พระราชสุธี (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ.9) วัดเทวราชกุญชร วรวิหาร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น